สำหรับตารางกะยืดหยุ่น (Flexible Shift) ระบบจะเริ่มนับโอทีหลังจากครบชั่วโมงทำงานต่อวันแล้ว
1) กรณีที่ไม่ได้เปิดใช้งาน OT Request ในตารางกะ
หากมีการลงชื่อออกจากงานหลังเวลาเลิกงานปกติ ระบบจะแสดงเป็น จำนวนชั่วโมงโอที (OT Hours) แต่ทั้งนี้ขึ้นกับอยู่ว่าในตารางกะมีการตั้งค่าดังต่อไปนี้หรือไม่
- หักเวลาพักระหว่างทำโอที (Deduct OT Break)
- จำนวนชั่วโมงโอทีต่ำสุด (Min OT Hours)
- จำนวนชั่วโมงโอทีสูงสุด (Max OT hours)
ตัวอย่าง 1
ตารางกะ Flexible Shift 1
ตารางเวลา (Timesheet)
เวลา 08:00 - 17:00 แสดงเป็น Regular Hour = 9 ชั่วโมง
เวลา 17:00 - 17:30 หักเป็น Deduct OT Break = 0.5 ชั่วโมง
เวลา 17:30 - 19:30 แสดงเป็น OT 1.5 = 2 ชั่วโมง
เวลา 19:30 - 22:00 แสดงเป็น Extra Hour = 2.5 ชั่วโมง
อย่างไรก็ดีกรณีที่พนักงานส่งคำร้องขอทำโอที พนักงานสามารถส่งคำร้องได้แต่ไม่เกินจำนวนโอทีสูงสุด (Max OT Hours) ที่กำหนดไว้ในตารางกะ แต่เมื่อมีการอนุมัติคำร้อง คำร้องดังกล่าวจะไม่แสดงในตารางเวลาแต่จะไปแสดงในรายละเอียดเงินเดือนเมื่อมีการทำเงินเดือนแทน เช่น จากตัวอย่างข้างต้น พนักงานส่งคำร้องขอทำโอทีดังนี้
เมื่อมีการ approve timesheet เพื่อทำเงินเดือน ในรายละเอียดเงินเดือนจะแสดงจำนวนโอทีเท่ากับจำนวนโอทีใน Timesheet + จำนวนโอทีใน Request รวมกัน
2) กรณีที่เปิดใช้งาน OT Request ในตารางกะ
หากมีการลงชื่ออกจากงานหลังเวลาเลิกงานปกติ ระบบจะแสดงเป็น จำนวนชั่วโมงเกินเวลาทำงานปกติ (Extra Hours)
เมื่อมีการส่งคำร้องขอทำโอทีและคำร้องได้รับอนุมัติ ระบบจะเปลี่ยนจาก จำนวนชั่วโมงเกินเวลาทำงานปกติ เป็น จำนวนชั่วโมงโอที ทั้งนี้ขึ้นกับ
- จำนวนที่ขอโอที (OT Hours)
- หักเวลาพักระหว่างทำโอที (Deduct OT Break)
- จำนวนชั่วโมงโอทีต่ำสุด (Min OT Hours)
- จำนวนชั่วโมงโอทีสูงสุด (Max OT hours)
ตัวอย่าง
ตารางกะ Flexible Shift 1
ตารางเวลา (Timesheet)
จะแสดงเป็น Regular Hour = 9 ชั่วโมง (08:00 - 17:00)
และแสดงเป็น Extra Hour = 4.5 ชั่วโมง (17:30 - 22:00) โดยหัก OT Break = 0.5 ชั่วโมง
พนักงานส่งคำร้องขอทำโอทีและคำร้องได้รับอนุมัติ
โหลดตารางเวลา (Timesheet) ใหม่
เปลี่ยน Extra Hour เป็น OT 1.5 = 4.5 ชั่วโมง (17:30 - 22:00) แทน